ม้าม ( Spleen effect )เป็น อวัยวะที่อยู่ในช่องท้องด้านซ้าย ด้านล่างของกระบังลม บริเวณด้านหลังของกระเพาะอาหาร สามารถขยายและหดตัวได้ หน้าที่หลักๆของมันคือ เป็นตัวกรองเลือดที่ได้รับความเสียหาย ออกจากระบบหมุนเวียนโลหิต
เมื่อเม็ดเลือดแดง เข้าไปในม้ามจะต้องไหลผ่านเข้าไปในเส้นเลือดมากมาย ที่มีลักษณะคล้ายเขาวงกต เม็ดเลือดที่ดีจะไหลผ่านม้ามออกไปได้ ส่วนเม็ดเลือดที่คุณภาพไม่ดีจะถูกย่อยสลายโดยเม็ดเลือดขาวที่อยู่ในม้าม จะได้แร่ธาตุเหล็กออกมา เพื่อส่งไปผลิตเม็ดเลือดใหม่ ที่ไขกระดูก
หน้าที่ สำคัญอีกอย่างของม้ามคือ เป็นที่เก็บเลือดสำรอง เนื่องจากม้ามสามารถ ขยายและหดตัวได้ ในเวลาที่ร่างกายต้องการเลือดมากขึ้น เช่น ประสบอุบัติเหตุสูญเสียเลือด ม้ามจะหดตัว เพื่อปล่อยเม็ดเลือดเข้ามาในระบบหมุนเวียนโลหิตเพิ่มมากขึ้น
Spleen effect สำคัญต่อ freediving อย่างไร
เนื่องจากม้ามมีเลือดเก็บสำรองไว้ มันจึงเป็นอวัยวะที่ช่วยในการดำน้ำ freediving โดยช่วยปล่อยเลือดที่เก็บสำรองไว้ออกมา เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดให้มากขึ้น เช่น แมวน้ำจะมีปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเริ่มดำน้ำ ทำให้สามารถกลั้นหายใจได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ไม่ได้ดำน้ำบ่อยๆเช่น มนุษย์ จะสามารถเพิ่มระยะเวลาในการกลั้นหายใจได้อย่างไร
การทดลอง Spleen effect ของมนุษย์
การดำน้ำของคน โดยทั่วไปจะประกอบด้วย 2 ช่วง คือ ช่วงแรกกลั้นหายใจแบบสบายๆ (Easy-going phase) ไม่รู้สึกอึดอัด และ ช่วงที่สอง จะรู้สึกอึดอัด(Struggle phase) อยากหายใจเนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งทนไม่ไหว
การทดลองจะแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก เป็นกลุ่มคนที่มีม้ามปกติ (Intact) 10 คน และกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ถูกตัดม้ามออกไปแล้ว (Splenectomized) 10 คน ทั้งสองกลุ่มไม่เคยฝึกกลั้นหายใจในน้ำมาก่อน โดยให้กลั้นหายใจ 5 ครั้ง (AFI 1 – 5) เพื่อทดสอบระยะเวลาที่กลั้นหายใจได้ และวัดปริมาณของเม็ดเลือดแดง (hemoglobin และ Hematocrit)
ผลที่ได้จากการทดลอง
หลังจากกลั้นหายใจดำน้ำไป 5 ครั้ง พบว่าระยะเวลาในการดำน้ำ (Apneic time) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มของ ผู้ที่มีม้ามปกติ (Intact) และผู้ที่ตัดม้ามออกไปแล้ว (Splenectomized)
ระยะเวลาในการดำน้ำ (Apneic time) ของคนปกติจะนานกว่า คนที่ไม่มีม้ามตั้งแต่ครั้งแรก (AFI : apneas with face immersion)
ส่วนช่วง Easy-Going phase ของคนทั้งสองกลุ่มจะเท่าๆกันในสองครั้งแรก แต่ในกลุ่มของคนที่ม้ามปกติ เวลาในช่วง Easy phase จะเพิ่มขึ้น ในครั้งที่3 (AFI 3) และระยะเวลารวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปริมาณของเลือด และ ฮีโมโกลบินใน กลุ่มของคนที่ม้ามเป็นปกติจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ จะค่อยๆลดลงสู่ระดับปกติ เมื่อผ่านไป 10 นาที หลังจากดำน้ำครั้งสุดท้าย ส่วนในกลุ่มของคนที่ตัดม้ามออกไป ปริมาณของเลือดแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ในกรณีของ ผู้ที่ฝึกฝนดำน้ำเป็นประจำ เช่น ama diver ปริมาณเลือดสำรองที่ปล่อยออกมา จะมีมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกฝน freediving เป็นประจำ และ spleen effect ยังมีผลนานกว่าคนปกติ ในขณะที่คนทั่วไปจะลดลงเมื่อผ่าน 3 นาทีไปแล้ว และกลับสู่สภาวะปกติเมื่อผ่านไป 10 นาที
วิธี Warm-up ก่อน freediving
เนื่องจาก spleen effect มีประโยชน์ต่อการดำน้ำ ดังนั้นฟรีไดฟ์เวอร์จะ warm-up dive ก่อนจะกลั้นหายใจดำน้ำจริงๆ เพื่อเพิ่มปริมาณของเลือดแดงในร่างกาย โดยวิธีคือ
- Breath up : ควรให้หน้าสัมผัสน้ำ เพื่อทำให้ Mammalian dive reflex ทำงาน หายใจเข้าด้วยท้องน้อย 3-4 วินาที แล้วหายใจออกช้าๆ 6-8 วินาที การหายใจควรเป็นไปแบบสบายๆ ปริมาณเท่าๆกับการหายใจเข้า-ออกตามปกติ ทำซ้ำๆ ประมาณ1 นาทีครึ่ง หลังจากนั้นให้หายใจเข้าให้เต็มปอด 1 รอบ แล้วหายใจออกสบายๆ ไล่อากาศออกให้หมดปอด แล้วสูดหายใจให้เต็มปอดอีกครั้งก่อนกลั้นหายใจ
- การ กลั้นหายใจ warm-up สำหรับการฝึก ในสระน้ำ(pool training) ให้กลั้นหายใจลอยตัวอยู่ที่ผิวน้ำ แต่ถ้าฝึกในทะเลให้ ลงไปเกาะเชือกอยู่ที่ความลึก 10 เมตร รอจนมีอาการ urge to breath แล้วค่อยทำ recovery breath (*** Never dive alone ควรฝึกกับ buddy เสมอ)
- การทำ Recovery breath ให้หายใจเข้าให้เต็มปอด กลั้นไว้ 2-3 วินาที แล้วค่อยปล่อยลมหายใจออกมา ให้ทำRecovery breath ซ้ำ 3 ครั้ง
- การ Warm-up dive ควรทำ 2-3 ครั้ง และไม่ warm up จนเหนื่อยเกินไป
อ่านเพิ่มเติม งานวิจัย
https://www.physiology.org/doi/full/10.1152/jappl.2001.90.4.1623
https://www.physiology.org/doi/full/10.1152/japplphysiol.00182.2007
Leave a Comment